วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

รจนาเสี่ยงพวงมาลัย

รจนาเสี่ยงพวงมาลัย
ประเภทการแสดง
รำ (รำคู่ ที่เป็นชุดเป็นตอน)

ประวัติที่มา
รำรจนาเสี่ยงพวงมาลัย ปรากฏในการแสดงละครนอก ซึ่งเป็นละครรำที่มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา สันนิษฐานว่าเป็นละครที่ได้พื้นฐานมาจากละครชาตรี ลักษณะการแสดงใช้ผู้ชายแสดงล้วน มุ่งดำเนินรวดเร็ว กระบวนท่ารำไม่ประณีต พิถีพิถัน ทั้งยังไม่เคร่งครัดจารีตประเพณี ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศล่านภาลัย รัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสิน ทรงได้ริเริ่มให้นางละครของหลวงแสดงละครนอกตามแบบอย่างละครชาวบ้าน โดยทรงเลือกบทละครนอกครั้งกรุงเก่า เฉพาะตอนที่ทรงเห็นว่าน่าเล่นละครมาทรงแก้ไขปรับปรุงสำนวนกลอนให้กระชับ และเหมาะแก่การแสดง แต่ยังคงความหมายเดิมอย่างครบถ้วน จึงเกิดเป็น “ละครนอกแบบหลวง”ขึ้น กล่าวกันว่า หลังจากทรงพระราชนิพนธ์กลอนบทละครแล้ว ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จฯ พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี ทรงประดิษฐ์กระบวนท่ารำประกอบ บางครั้งถึงกับทรงต้องปรับแก้กระบวน
       ตามประวัติการแสดงของกรมศิลปากร พบว่า การแสดงครั้งแรกเป็นการแสดงเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม ณ ประเทศฮ่องกง โดยนางส่องชาติ ชื่นศิริ ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (ละครรำ) พ.ศ. ๒๕๓๕ แสดงเป็นนางรจนา นางสยม ฤทธิ์จรุง แสดงเป็นเจ้าเงาะ ต่อมาได้จัดการแสดงเผยแพร่ ณ. โรงละครศิลปากร โดยนางสุวรรณี ชลานุเคราะห์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ – ละครรำ) พ.ศ. ๒๕๓๓ แสดงเป็นเจ้าเงาะ นางสุมนมาลย์ นิ่มเนติพันธ์ แสดงเป็นนางรจนา และการแสดงทั้งสองครั้งถ่ายทอดกระบวนท่ารำ โดยนางศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก หม่อมครูต่วน และนางลมุล ยมะคุปต์ ผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป์
รูปแบบ และลักษณะการแสดง
       รจนาเลือกคู่ หรือรจนาเสี่ยงพวงมาลัย เป็นการแสดงที่มีลักษณะพิเศษตอนหนึ่ง ในบทละครเรื่องสังข์ทอง ซึ่งมีพระสังข์เป็นพระเอก และรจนา เป็นนางเอก ในตอนรจนาเสี่ยงพวงมาลัยนี้มีชื่อเรื่องว่า พระสังข์ซึ่งตัวจริง รูปร่างสวยงาม ผิวเป็นทองทั้งตัว แต่แกล้งปลอมแปลงตัวโดยเอารูปเงาะเข้าสวมใส่แล้วแกล้งทำเป็นบ้าใบ้ พระสังข์ในตอนนี้จึงถูกเรียบตามรูปนอกว่า “เจ้าเงาะ” แล้วถูกพามาให้เจ้ารจนา ซึ่งเป็นเจ้าหญิงเลือกคู่ เนื่องจากเป็นบุปเพสันนิวาส นางรจนาจึงมองเห็นรูปทองข้างในของเจ้าเงาะ แล้วทิ้งพวงมาลัยให้เพื่อเลือกพระสังข์ คือเจ้าเงาะปลอม เป็นสวามี
       ท่ารำของเงาะ เป็นท่าที่อาจารย์ทางนาฏศิลป์ได้ประดิษฐ์ขึ้นเป็นพิเศษ ไม่เหมือนท่ายักษ์ ไม่เหมือนท่าพระ (มนุษย์) และไม่เหมือนท่าลิง เป็นท่ายักษ์ปนมนุษย์กลายๆ และเพลงหน้าพาทย์ประกอบการไปของเงาะ การใช้เพลง “กลม” คลายกับที่ใช้กับเทวดา จึงนับว่า

การรำแบ่งเป็นขั้นตอนต่าง ๆ ได้ดังนี้

ขั้นตอนที่ ๑

เจ้าเงาะและนางรจนา รำออกตามทำนองเพลงลีลากระทุ่ม

ขั้นตอนที่ ๒

เจ้าเงาะรำตีบทตามบทร้องเพลง ลีลากระทุ่ม นางรจนารำท่าเพลงช้า

ขั้นตอนที่ ๓

นางรจนารำตีบทตามบทร้องเพลงลมพัดชายเขา

ขั้นตอนที่ ๔

เจ้าเงาะ และนางรจนา รำตีบทตามบทร้องเพลงเชิดฉิ่ง

ขั้นตอนที่ ๕

รำเข้าตามทำนองเพลงเร็ว และลา

ดนตรี และเพลงที่ใช้ประกอบการแสดง
       ใช้วงปี่พาทย์ไม้นวม
       เพลงที่ใช้บรรเลงประกอบการแสดง เพลง ลีลากระทุ่ม เพลง ลมพัดชายเขา เพลงเชิดฉิ่ง และเพลงเร็ว - ลา
เครื่องแต่งกาย
       ผู้แสดงแต่งกายยืนเครื่อง เจ้าเงาะสมศีรษะเงาะ นางรจนา ศิราภรณ์ รับเกล้ายอดเกล้า

บทร้องรจนาเสี่ยงพวงมาลัย

- ปี่พาทย์ทำเพลงลีลากระทุ่ม -
( เจ้าเงาะ และนางรจนา ออกรำ)

 เมื่อนั้น
พิศโฉม พระธิดา วิลาวัณ
งามละม่อม พร้อมสิ้น ทั้งอินทรีย์
แสร้งทำ แลเลี่ยง เบี่ยงเบือน
พระจึง ตั้งสัตย์ อธิษฐาน
ขอให้ ทรามสงวน นวลน้องเจ้าเงาะ แสนกล คนขยัน
ผุดผาด ผิวพรรณ ดังดวงเดือน
นางใน ธรณี ไม่มีเหมือน
ให้ฟั่นเฟือน เดือนจิต คิดปอง
แม้นบุญญา ธิการ เคยสมสอง
เห็นรูปพี่ เป็นทอง ต้องใจรัก - ร้องเพลงลมพัดชายเขา - เมื่อนั้น
เทพไท อุปถัมภ์ นำชัก
นางเห็น รูปสุวรรณ อยู่ชั้นใน
ใครใคร ไม่เห็น รูปทรง
ชะลอยบุญ เราไซร้ จึงได้เห็น
คิดพลาง นางเสี่ยง มาลารจนา นารี มีศักดิ์
นงลักษณ์ ดูเงาะ เจาะจง
เอารูปเงาะ สวมใส ให้คนหลง
พระเป็นทอง ทั้งองค์ อร่ามตา
ต่อจะเป็น คู่ครอง กระมังหนา
แม้ว่า เคยสม ภิรมย์รัก -ร้องเพลงเชิดฉิ่ง- ขอให้ พวงมาลัย นี้ไปต้อง
เสี่ยงแล้ว โฉมยง นงลักษณ์เจ้าเงาะ รูปทอง จงประจักษ์
ผินพักตร์ ทิ้งพวง มาลัยไป - ปี่พาทย์ทำเพลงเชิดฉิ่ง – เพลงเร็ว –

(นางรจนาทิ้งพวงมาลัย ให้เจ้าเงาะแล้วเข้าร่วมรำเพลงเร็ว จนจบกระบวนแล้ว เข้าโรง)

โอกาสที่ใช้แสดง
เผยแพร่แลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรม และเผยแพร่ให้ประชาชนชม


อ้างอิง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น